Stewards (สจ๊วต) ใน F1 คอยออกหนังสือต่างๆ ที่เป็นการตัดสินลงโทษนักแข่งหรือทีมแข่งเกี่ยวกับการแข่งขันแต่ละสนาม ที่ช่วงหลังเริ่มมีเสียงพูดถึงกันมากจากแฟนทั่วโลก รู้หรือไม่พวกเขาเป็นใคร ทำอะไร และคัดเลือกมาอย่างไร
หลายคนอาจเคยเห็นข่าวของ Stewards (สจ๊วต) Formula 1 เมื่อมีการตัดสินแจกบทลงโทษให้กับนักแข่งที่ทำผิดกติกาในการแข่งขันสนามต่างๆ นำมาสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ขณะที่คนส่วนใหญ่นั้นชอบที่จะเห็นการต่อสู้ที่ตัดสินกันในสนามมากกว่า ซึ่งเป็นธรรมชาติของทุกกีฬาที่นักกีฬาไปวัดกันในสนามแข่งขัน แต่ก็ยังต้องมีคนคอยควบคุมกติกา รวมถึงตีความกติกาอย่างยุติธรรมอยู่
Stewards (สจ๊วต) จะต้องไปอยู่ในการแข่งขันเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ได้ตั้งเอาไว้ และมีหน้าที่ตัดสินเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น วิธีการทำงานของสจ๊วตนั้นมีการพัฒนาไปมากจากหลายปีที่ผ่านมา เพราะเทคโนโลยีมากมายคอยเข้ามาช่วยเหลือ
ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้องนับร้อยมุมที่ติดตั้งไว้รอบสนามความชัดระดับซูมหินเล็กๆ ในสนามได้สบาย ข้อมูลสดๆ ข้อความวิทยุของทีมที่พูดคุย รวมถึงอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้สามารถตัดสินใจได้ในเพียงระยะเวลาไม่กี่นาที แต่ถึงจะมีเทคโนโลยีที่เพียบพร้อมก็ยังมีอีกหลายคนที่เห็นว่าควรให้นับแข่งจัดการกันเองในสนาม
การคัดเลือก Stewards (สจ๊วต)
ในสุดสัปดาห์การแข่งขัน แต่ละสนามจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ดำเนินการต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎของการแข่งขันตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ นอกจากนั้นก็จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ Stewards (สจ๊วต) ขึ้นมา ทำหน้าที่พิจารณาข้อพิพาทที่เกิดขึ้น และตัดสินว่าแต่ละเคสนั้นผิดหรือถูก ตามกฎของ F1 และกฎของ FIA หรือไม่
Stewards (สจ๊วต) จะมีทั้งหมด 4 คน
- 2 คนแรก จะถูกดึงมาจากรายชื่อของ FIA ที่มีคุณสมบัติเหมาะเพียบพร้อมในการทำงานสำหรับการแข่งขันสนามต่างๆ
- 1 คน จะต้องเคยเป็นนักแข่งมาก่อน รวมถึงผ่านการอบรมหลักสูตร Stewards ของ FIA ที่จะต้องมีก็เพื่อที่จะได้ให้ความเห็นในมุมมองของนักแข่งด้วย ทำให้การตัดสินยุติธรรมที่สุด
- 1 คน มาจากการเสนอชื่อของหน่วยงานด้านกีฬาแห่งชาติของประเทศนั้นๆ
*1 ใน 3 จากสจ๊วตในข้อ 1 และ 2 จะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน
Stewards (สจ๊วต) ทำอะไรบ้าง?
นอกจากสจ๊วตแล้วยังมี Race Director หรือผู้อำนวยการการแข่งขัน (ขอพูดถึงก่อนทำงานคาบเกี่ยวกัน) ที่มีอำนาจเหนือกว่าในหลายจุดช่วงสุดสัปดาห์การแข่งขันโดยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสนามที่เป็นเลขา เพื่อออกคำสั่งไปยังเจ้าหน้าสนามส่วนอื่น
ผู้อำนวยการแข่งขันเป็นคนคอยควบคุมทั้งการฝึกซ้อม คลอลิฟาย และการแข่งขัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามตารางเวลา หากจำเป็นผู้อำนวยการการแข่งขันก็สามารถเสนอให้เปลี่ยนแปลงเวลาในตารางได้ ตัวอย่างเช่น มีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้ดำเนินต่อไม่ได้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ตัดสินใจให้กรรมการโบกธงแดง ธงเหลือง หรือธงต่างๆ รวมถึงการสั่งให้รถเซฟตี้คาร์ออกไปวิ่ง และต่างๆ มากมายในสนาม
การสั่งการก็จะเป็นการสั่งงานผ่านเลขาฯ หลังจากนั้นเลขาฯ ก็จะทำการสั่งไปยังเจ้าหน้าที่มาแชลแต่ละส่วนที่ผู้อำนวยการการแข่งขันตัดสินใจลงมา ซึ่งทั้งคู่จะทำการติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกันงานของสจ๊วต คือ ผู้ที่ทำหน้าควบคุมเหตุการณ์การแข่งขันอีกหนึ่งชุด แต่ไม่ได้ลงไปสั่งว่าให้ทำโน้นทำนี่ จะคอยทำการตรวจสอบเหตุการณ์ต่างๆ และปรับโทษสำหรับนักแข่งหรือทีมที่ละเมิดกฎ หากมีการได้รับรายงานจากผู้อำนวยการการแข่งขันหรือตัวแทน แล้วใช้ข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฟุตเทจวีดีโอ หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อความเสียงวิทยุ รวมถึงด้าต้าต่างๆ เข้ามาช่วยในการตัดสินใจ เช่นเดียวกันสจ๊วตจะติดต่อสื่อสารกับผู้อำนวยการการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา
พูดง่ายๆ หน้าที่ของ Stewards (สจ๊วต) ก็คือ ตำรวจและศาลในเวลาเดียวกัน ทั้งคอยสอดส่องว่ามีการทำผิดกฎหรือไม่ รวมถึงมีอำนาจตัดสินลงโทษ หรือไม่ลงโทษได้
ไหนๆ ก็เตะเรื่องของผู้อำนวยการการแข่งชันแล้ว มาคุยกันอีกสักนิด หลังจากจบฤดูกาล 2021 มีดราม่าเกิดขึ้นสนามสุดท้ายที่อาบูดาบี ทำให้ก่อนเกิดฤดูกาล 2022 “ไมเคิล มาซี” ถูกปลดออกจากการเป็นผู้อำนวยการการแข่งขัน และมีการตั้ง “เอดูอาร์โด้ เฟรย์ตัส” และ “เนลส์ วิททิช” เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน
จะเห็นได้ว่าการทำงานของเหล่ากรรมการ (ขอเรียกรวมๆ แบบนี้แล้วกัน) ในการแข่งขัน F1 แต่ละสนามนั้น จะมีการประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะมีการแยกอำนาจกันอย่างชัดเจน ผู้อำนวยการการแข่งขัน (Race Director) ก็ทำหน้าที่ควบคุมการแข่งขันไป สั่งการในสนามไป ส่วนฝั่งของ Stewards (สจ๊วต) มีหน้าที่สอดส่องดูแลตรวจสอบการกระทำความผิดของนักแข่งหรือทีม พอเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นก็จะทำหน้าที่ตัดสินว่าใครผิดใครถูก หรือไม่มีความผิด ทั้งระหว่าง และหลังการแข่งขัน
เพราะฉะนั้นในหลายๆ เหตุการณ์บางทีแข่งขันจบไปแล้ว ก็มีการตัดสินโทษตามหลังออกมา จนบางทีทำให้นักแข่งหรือทีมนั้นหมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์หรือพลาดแชมป์ไปเลยก็ได้
อ่านข่าว Formula 1 เพิ่มเติมที่นี่